ผู้เลือกสรรของพระเจ้า

The Elect of God” in the Thai Language

By E.G. White

“ขอให้พระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและจากพระเยซูคริสต์เจ้า ดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายด้วยเถิด…ผู้ทรงโปรดประทานพระพรฝ่ายวิญญาณแก่เราทุกๆ ประการในสวรรคสถานโดยพระคริสต์ ในพระเยซูคริสต์นั้นพระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ ตั้งแต่ก่อนที่จะทรงเริ่มสร้างโลก เพื่อเราจะบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิต่อพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความรัก พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ก่อนตามที่ชอบพระทัยพระองค์ให้เป็นบุตรโดยพระเยซูคริสต์ เพื่อจะให้เป็นที่สรรเสริญสง่าราศีแห่งพระคุณของพระองค์ ซึ่งโดยพระคุณนั้นพระองค์ทรงบันดาลให้เราเป็นที่ชอบพระทัย ในผู้ทรงเป็นที่รักของพระองค์ ในพระเยซูนั้น เราได้รับการไถ่โดยพระโลหิตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาปของเรา โดยพระคุณอันอุดมของพระองค์ ซึ่งได้ทรงประทานแก่เราอย่างเหลือล้น ให้มีปัญญาสุขุมและมีความรู้รอบคอบ พระองค์ได้ทรงโปรดให้เรารู้ความลึกลับในพระทัยของพระองค์ ตามพระเจตนารมณ์ของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงดำริไว้ในพระองค์เอง ประสงค์ว่าเมื่อเวลากำหนดครบบริบูรณ์แล้ว พระองค์จะทรงรวบรวมทุกสิ่งทั้งที่อยู่ในสวรรค์และในแผ่นดินโลกไว้ในพระคริสต์ และในพระองค์นั้นเราได้รับมรดกที่ทรงดำริไว้ตามพระประสงค์ของพระองค์ ผู้ทรงกระทำทุกสิ่งตามที่ได้ทรงตริตรองไว้สมกับพระทัยของพระองค์” เอเฟซัส 1:2, 3-11

ในประชุมสภาที่สวรรค์ได้มีการตระเตรียมไว้เพื่อปวงมนุษย์ชน ถึงแม้แต่เป็นผู้ละเมิดทุกคน แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องพินาศในการฝ่าฝืนของพวกเรา แต่โดยความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ผู้รับโทษแทนและผู้ค้ำประกันของพวกเรา มนุษย์จึงมีโอกาสที่จะเป็นผู้เลือกสรรของพระเจ้าได้ ด้วยพระองค์ทรงกำหนดเราไว้ก่อนตามที่ชอบพระทัยพระองค์ให้เป็นบุตรโดยพระเยซูคริสต์ พระเจ้าทรงปรารถนาให้มนุษย์ทุกคนได้รับความรอด และโดยการทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เป็นผู้ไถ่ปวงชน พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมความรอดสำหรับชาวโลกอย่างล้นเหลือ ไม่มีผู้ใดต้องพินาศเว้นแต่ผู้นั้นจะไม่ยอมรับเป็นลูกของพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์ หลายคนยินยอมให้ความทะนงตนเป็นเหตุให้ไม่รับการเตรียมตัวเพื่อความชอบธรรม ท่านไม่ยอมรับให้พระคุณของพระเจ้าเข้ามาในชีวิตตนเองโดยเชื่อในพระนามพระองค์ แต่การทำบุญมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้มนุษย์เป็นที่ชอบในสายพระเนตรของพระเจ้าได้ พวกเขาจะพึ่งพาในการกระทำของตนเองไม่ได้ เพราะว่าปราศจากพระคริสต์ท่านก็ไม่สามารถจะกระทำการดีใดๆ ได้  ผู้ที่ถูกเลือกสรรของพระเจ้าคือผู้ที่ถูกเลือกด้วยพระเยซูเพื่อได้รับการชำระของพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อในความจริง แต่พระเจ้าไม่ทรงมีความปรารถนาความทุกข์ทรมานให้แก่สิ่งทรงสร้างที่มีชีวิตสิ่งใดๆ  และไม่ทรงมีพระประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่มารับความจริง (2 เปโตร 3:9)

การเชื้อเชิญได้ถูกมอบให้แก่ทุกคนดังนี้ว่า “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อย (ทุกคน – ไม่มีผู้ใดถูกแยกออกไป) และแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข” “โอ เชิญทุกคนที่กระหายจงมาถึงน้ำ และผู้ที่ไม่มีเงินมาซื้อกินเถิด มาซื้อน้ำองุ่นและน้ำนมเถิด โดยไม่ต้องเสียเงินเสียค่า” “พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า “เชิญมาเถิด” และให้ผู้ที่ได้ยินกล่าวว่า “เชิญมาเถิด” และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา ผู้ใดมีใจปรารถนา ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย” พระเยซูทรงตรัสอีกว่า “สารพัดที่พระบิดาทรงประทานแก่เราจะมาสู่เรา และผู้ที่มาหาเรา เราก็จะไม่ทิ้งเขาเลย” มัทธิว 11:28; อิสยาห์ 55:1; วิวรณ์ 22:17; ยอห์น 6:37

พระทัยของพระคริสต์ถูกยื่นออกไปอย่างสม่ำเสมอด้วยความเห็นอกเห็นใจที่พระองค์ทรงมีต่อมนุษย์ ขณะที่พระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บนโลกนี้พระองค์ทรงมีจุดประสงค์อย่างเดียว คือที่จะช่วยคนบาปให้รอด ถึงแม้ว่าพระองค์ทรงเกลียดชังความบาปอย่างที่สุด แต่พระองค์ทรงสำแดงความเมตตาปรานีอย่างอ่อนโยนต่อผู้ที่กระทำบาปนั้น เมื่อผู้ที่กระทำบาปมาหาพระเยซูด้วยรู้ว่าตนเองไม่สมควรและมีความสำนึกผิดบาป พร้อมยอมรับว่าตนสมควรที่จะได้รับการลงโทษอย่างแน่นอน แต่พึ่งพาอาศัยความรักและเมตตาของพระเยซูคริสต์ ความรักอันละเว้นโทษของพระเจ้าจะถูกสำแดงให้แก่ท่านผู้นั้น และความซาบซึ้งใจและปีติยินดีจะพุ่งขึ้นมาในใจเขาเนื่องด้วยความรักและเมตตาที่ไม่มีสิ้นสุดของพระผู้ไถ่ของเขา ในสภาของสวรรค์ได้มีการจัดเตรียมเพื่อผู้กระทำบาปก่อนที่โลกนี้จะถูกทรงสร้างขึ้นมา คือ พระเยซูจะทรงยอมรับโทษทัณฑ์สำหรับความบาปที่มนุษย์กระทำ แล้วพระองค์จะทรงถือว่าคนเหล่านั้นเป็นผู้ชอบธรรม และจะทรงประทานความประหลาดใจอย่างท่วมท้นแก่เขา และเขาจะร้องเพลงสรรเสริญขอบพระคุณและถวายความเคารพบูชาแด่พระองค์

ผู้ที่ยอมรับต่อการดึงดูดใจของพระเยซูคริสต์โดยพระเมตตาอันเปรียบไม่ได้ของพระเจ้านั้น ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รอดและลูกผู้เลือกสรรที่เชื่อฟังของพระเจ้า ความเมตตาของพระเจ้าที่ราคาสูงจนหาค่ามิได้นั้นได้สำแดงแก่เขา คือความรักยิ่งใหญ่ซึ่งพระองค์ได้ทรงรักพวกเรา พระบิดาทรงขับเคลื่อนความรักลงมาบนผู้ถูกเลือกสรรของพระองค์ที่อยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์ เพราะว่าพวกเขายอมรับการไถ่ซึ่งพระเยซูคริสต์ได้ทรงไถ่ถอนไว้แล้วเพื่อเขาโดยพระโลหิตอันล้ำค่าของพระองค์เอง ทุกคนที่จะยอมถ่อมตัวลงอย่างเด็กเล็ก ที่จะยอมรับและเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าเหมือนดังความบริสุทธิ์อย่างเด็ก จะได้เป็นหนึ่งในหมู่ผู้เลือกสรรของพระเจ้า

เราจงเชื่อมั่นว่าเราเป็นผู้ถูกเลือกสรรของพระเจ้าถึงความรอดด้วยการฝึกฝนความเชื่อ โดยพระคุณของพระคริสต์และการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเราจงถวายการสรรเสริญและสง่าราศีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะความโปรดปรานที่พระองค์ทรงแสดงอย่างอัศจรรย์ต่อพวกเราผู้ไม่สมควรจะได้รับ ความรักของพระเจ้านั้นเองที่ดึงดูดจิตใจหันมาหาพระเยซูคริสต์ เพื่อจะได้ถูกรับไว้โดยพระองค์อย่างงดงามเพื่อนำถวายแต่องค์พระบิดาของพระองค์ โดยผ่านการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ความสัมพันธ์อันศักดิ์สิทธิ์ระหว่างพระเจ้ากับผู้กระทำบาปได้รับการฟื้นฟู องค์พระบิดาผู้ประทับอยู่ที่สวรรค์ของพวกเราทรงตรัสดังนี้ว่า “เราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชาชนของเรา ข้าพระองค์จะประทานความรักและให้อภัยแก่เขา และเขาได้รับความชื่นชมยินดีของข้าพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม เขาจะเป็นทรัพย์อันประเสริฐของเรา เพราะชนชาตินี้ที่เราปั้นเพื่อเราเองจะถวายสรรเสริญเรา”

พระคริสต์ทรงเรียกมนุษย์ทุกคนให้กลับมาหาพระองค์ และทั้งปัจจุบันและอนาคตของเราก็สมควรที่พวกเราจะฟังและตอบรับการเรียกของพระองค์ พระเยซูทรงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย” ยอห์น 15:16 ดังนั้นผู้ที่ต้องการจะถูกเรียกว่าเป็นบุตรของพระเจ้าจงตอบรับการเชื้อเชิญของพระคริสต์ และจงตั้งตนไว้ในที่ซึ่งแสงสว่างของสวรรค์จะได้ส่องแสงถึงใจท่าน ที่ซึ่งท่านจะได้เข้าใจว่าการเป็นผู้ฟังและผู้ประพฤติตามพระวจนะของพระคริสต์ การติดตามพระเจ้าผู้เป็นความสว่างของโลก และการที่พระองค์ทรงบันดาลให้เราเป็นที่ชอบพระทัย ในผู้ทรงเป็นที่รักของพระองค์นั้นเป็นเช่นไร

ทุกอย่างทุกสิ่งที่พระเจ้าสามารถทำได้เพื่อไถ่บาปมนุษย์พระองค์ได้กระทำแล้วอย่างเต็มเปี่ยม โดยของขวัญล้ำค่าพระองค์ได้ทรงเทขุมทรัพย์ของสวรรค์ลงมา พระองค์ทรงเชื้อเชิญ ทรงขอร้อง ทรงกระตุ้น แต่พระองค์ไม่ทรงบังคับให้มนุษย์ต้องเข้ามาเฝ้าพระองค์ พระองค์ทรงรอคอยให้พวกท่านมาร่วมมือเอง พระองค์ทรงรอคอยจิตใจที่ยอมรับเพื่อพระองค์จะได้ประทานขุมทรัพย์แห่งพระคุณของพระองค์แก่ผู้ที่ได้กระทำบาป ซึ่งพระองค์ได้ทรงตระเตรียมไว้สำหรับท่านตั้งแต่แรกสร้างโลก มนุษย์ไม่สามารถตระเตรียมตนเองให้เป็นที่ประทับของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ และหากว่าไม่มีการ่วมมือระหว่างจิตใจมนุษย์และพระทัยของพระเจ้า พระองค์ก็ไม่สามารถช่วยท่านให้รอดได้ ถึงแม้ว่าพระองค์ทรงเป็นนายช่างผู้ชำนาญ แต่มนุษย์ผู้กระทำก็มีส่วนที่ต้องกระทำนั้นด้วยการร่วมมือกับองค์สถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่ และถ้าไม่ร่วมมือ สิ่งปลูกสร้างอันวิเศษเหล่านั้นจะบรรลุความสำเร็จไม่ได้ ฤทธิ์เดชทั้งปวงในการสร้างนั้นเป็นของพระเจ้า แต่ความรับผิดชอบทั้งหมดขึ้นอยู่กับมนุษย์ เพราะพระเจ้าทรงทำอะไรสำหรับมนุษย์ไม่ได้หากมนุษย์ไม่ร่วมมือกับพระองค์ พระองค์ไม่ได้กำหนดให้อำนาจของมนุษย์เป็นศูนย์ แต่โดยการร่วมมือกับพระเจ้านั้น มนุษย์ผู้กระทำจะได้กลายเป็นผู้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในพระหัตถ์ของพระองค์ ถึงแม้ว่ามนุษย์อ่อนแอ บอบบาง กระทำบาปและผิดพลาด และไม่สมบูรณ์แบบ แต่พระผู้เป็นเจ้าทรงเสนออภิสิทธิ์แห่งการมีหุ้นส่วนกับพระองค์แก่มนุษย์ทุกท่าน

โดยการเชื่อในพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดของท่าน และด้วยการยอมรับความชอบธรรมของพระองค์โดยความเชื่อ ผู้กระทำบาปจะรอดพ้นจากความเสื่อมโทรมที่มีอยู่ในโลกนี้เพราะตัณหา และจะได้รับส่วนในสภาพของพระองค์ โดยที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงประทับอยู่ในจิตใจ ผู้ที่เป็นคริสเตียนจะได้รับฤทธิ์เดชเพื่อต่อสู้และทนต่อการทดลองและประพฤติตามความชอบธรรม โดยปราศจากการได้รับส่วนในสภาพของพระเจ้า และโดยที่ไม่มีอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้ากระทำการ มนุษย์ไม่สามารถให้ความรอดของตนเกิดผลได้ เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงกระทำกิจอยู่ภายในท่าน ทั้งให้ท่านมีใจปรารถนาและให้ประพฤติตามชอบพระทัยของพระองค์ พระเยซูได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย” ยอห์น 15:5

มนุษย์ชาติที่ตกอยู่ในความบาปจะกลับสู่สภาพใหม่ได้โดยคุณสมบัติดีเลิศของพระองค์ผู้ทรงเท่าเทียมกับพระเจ้า ถึงแม้ว่าพระเยซูคริสต์ทรงสูงศักดิ์ แต่พระองค์ทรงยินยอมที่จะสวมสภาพของมนุษย์เพื่อที่จะมากระทำกิจเพื่อช่วยมนุษยชาติ และให้ประชากรผู้ทรยศพระเจ้ากลับคืนดีกับพระองค์ พระเยซูทรงร้องขอคุณสมบัติดีเลิศของพระองค์เพื่อไถ่เรา ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นผู้รับประกันและผู้แทนของพวกเรา พระองค์ได้รับภาระต่อสู้กับอำนาจแห่งความมืดเพื่อพวกเรา และได้รับชัยชนะเหนือศัตรูของจิตใจพวกเรา และทรงมอบถ้วยรางวัลแห่งความรอดแก่พวกเรา พระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าชีวิตนั้นทรงยินยอมแบกรับการเหยียดหยามและการเยาะเย้ย ความเจ็บปวดและการสิ้นพระชนม์ บนไม้กางเขนนั้นพระองค์ทรงจ่ายค่าไถ่เพื่อโลกที่หลงเจิ่น ซึ่งเป็นโลกที่พระองค์ทรงรัก โลกเป็นเหมือนลูกแกะที่หลงหายไปซึ่งพระองค์จะตามเสาะหาและนำกลับไปที่คอกแกะของพระองค์ ไม้กางเขนนั้นเองที่กล่าวถึงความรักอย่างอัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่ผู้กระทำบาป พระองค์ทรงประเมินค่าของท่านอย่างสูงจนนับไม่ได้ และทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ที่บังเกิดมา เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ ถ้าหากความรักของพระเจ้าไม่สามารถเรียกร้องการตอบสนองจากจิตใจของมนุษย์ ถ้าหากความรักนั้นไม่สามารถเอาชนะและทำให้จิตใจอ่อนนุ่มลง พวกเราจะพินาศอย่างที่สุด อำนาจสำรองที่จะชักจูงผู้กระทำบาปไม่มีอีกเลย ของขวัญอันล้ำค่าที่สุดของสวรรค์ได้ถูกเสนอให้พวกเรายอมรับโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ความรักที่อัศจรรย์ของพระเจ้าไม่ได้ปรากฏยิ่งใหญ่กว่าที่พระองค์ได้ทรงสำแดงให้เห็นบนไม้กางเขนนั้น ถ้าหากความรักของพระเยซูคริสต์ไม่สามารถเอาชนะจิตใจและไม่ทำให้จิตใจอ่อนโยนลง จะมีวิธีไหนที่จะทำให้มนุษยชาติหันกลับมา? ท่านไม่ได้ตอบรับการวิงวอนร้องขอของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือ? ฉะนั้นท่านจงอย่าสร้างป้อมปราการในใจให้แข็งกระด้างอีกเลย จงเปิดประตูของหัวใจเถิดเพื่อรับพระเยซูคริสต์เข้ามา พระองค์นั้นซึ่งเป็นของขวัญอันล้ำค่าที่สุดของสวรรค์ จงอย่าให้ความสงสัยอันเหี้ยมโหดยั่วยวนใจท่านให้ปฏิเสธไม่ยอมรับผู้มาเยี่ยมจากสวรรค์ จงอย่าให้พระคริสต์กล่าวถึงท่านดังว่า “ท่านทั้งหลายไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต” ยอห์น 5:40 โดยการออดอ้อนเปี่ยมด้วยความรักพระองค์ทรงตามผู้กระทำบาป และทรงขอร้องว่า “จงหันกลับ จงหันกลับจากทางชั่วของเจ้า…เจ้าจะยอมตายทำไม?” เอเสเคียล 33:11

พระผู้ช่วยให้รอดของโลกทรงทนทุกข์ทรมานอย่างเทียบเท่ากับความผิดบาปของโลกที่หลงไปในความพินาศนั้น ที่พระคริสต์ทรงยอมถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาบนไม้กางเขนนั้นได้บรรลุการเรียกร้องของพระราชบัญญัติ และเมื่อจิตใจมืดมนด้วยความสำนึกผิดบาป และภาระดูเหมือนมากเกินจะทนได้ พระเยซูทรงเชื้อเชิญผู้กระทำบาปให้มองไปที่พระองค์และรับชีวิตใหม่ พระคริสต์ทรงมีอำนาจที่สามารถชำระจิตใจได้ พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “มาเถิด ให้เราสู้ความกัน ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้มก็จะขาวอย่างหิมะ ถึงมันจะแดงอย่างผ้าแดงก็จะกลายเป็นอย่างขนแกะ” อิสยาห์ 1:18 ของขวัญแห่งชีวิตถูกทรงมอบอย่างงดงามด้วยความปีติยินดี และโดยไม่มีค่าใช้จ่ายให้แก่มนุษย์ผู้หลงผิด พระราชบัลลังก์ของพระเจ้าล้อมรอบด้วยรุ้งแห่งพระสัญญาของพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงต้อนรับผู้กระทำบาปทุกคนที่เลิกพึ่งความหวังในความชอบธรรมของตนเองที่กระทำเพื่อรับชีวิตนิรันดร์ และยอมรับความชอบธรรมของพระผู้ไถ่โลกเข้ามาโดยเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ไถ่บาปของท่าน เมื่อไรที่ผู้กระทำบาปนั้นได้สำนึกว่าตนเองไม่มีความหวัง ได้หลงผิด ได้ถูกทรงตัดสินความผิดถึงแก่ความตายอันเป็นนิรันดร์ และได้สำนึกว่าตนไม่สามารถจะทำอะไรได้เพื่อไถ่บาปของตน แต่ยอมรับให้พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ไถ่บาปอย่างครบถ้วนของท่าน ตอนนั้นพระวจนะของพระเจ้าจะสำเร็จดังที่พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ว่า “เราจะกรุณาต่อการอธรรมของเขา และจะไม่จดจำบาปและความชั่วช้าของเขาอีกต่อไป” ฮีบรู 8:12

เงื่อนไขของชีวิตนิรันดร์ภายใต้พันธสัญญาแห่งพระคุณนั้นก็ยังเหมือนกันกับตอนที่ทรงประทานแก่มนุษย์ครั้งแรกที่สวนเอเดน โดยพระผู้ทรงเป็นผู้ประกันและผู้รับโทษแทนของท่าน ผู้กระทำบาปที่หันเชื่อนั้นจะยอมปฏิบัติตามพระราชบัญญัติของพระเจ้า พระคุณที่ทรงประทานแก่มนุษย์เป็นรางวัลแห่งความชอบธรรมของพระเยซูคริสต์ “ผู้ได้ทรงโปรดประทานพระองค์เองให้เรา เพื่อไถ่เราให้พ้นจากความชั่วช้าทุกอย่าง และทรงชำระเราให้บริสุทธิ์ เพื่อให้เป็นหมู่ชนพิเศษเฉพาะของพระองค์ และเป็นคนที่ขวนขวายกระทำการดี” ทิตัส 2:14 แต่การที่ได้มีการตระเตรียมไว้สำหรับความรอดของมนุษย์โดยทรงประทานความชอบธรรมของพระคริสต์นั้นไม่ได้ล้มเลิกการกระทำดี ไม่ได้ปล่อยพันธะของพวกเราในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ และไม่ได้บรรเทาการเรียกร้องความบริสุทธิ์ของพระราชบัญญัตินั้น พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จมาเพื่อยกย่องเชิดชูศักดิ์ศรีของพระราชบัญญัติและเพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่กว้างขวางและทรงไม่เปลี่ยนแปลงของพระราชบัญญัตินั้น ความชอบธรรมของพระคริสต์ที่ทรงประทานนั้นเป็นสง่าราศีของข่าวประเสริฐแห่งพระคุณ ซึ่งทรงจัดเตรียมหนทางแห่งความรอดโดยการเชื่อฟังพระราชบัญญัติของพระเจ้าด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตภายในจิตใจ

พระเยซูคริสต์เท่านั้นที่ต้องเป็นที่พึ่งความหวังของพวกเรา เพราะโดยพระองค์เท่านั้นพวกเราจะได้เป็นผู้ได้รับมรดกคือชีวิตนิรันดร์ แต่มรดกอันชั่วนิรันดร์นั้นถูกประทานให้แก่เราโดยมีเงื่อนไขบางอย่าง ในโลกนี้เราไม่สามารถรับมรดกเป็นทรัพย์สมบัติของเราได้เว้นแต่เราจะมีกรรมสิทธิ์ที่ไร้ตำหนิ และสิทธิรับมรดกของเราในโลกที่จะมาถึงนี้จำเป็นต้องพิสูจน์อย่างชัดเจนโดยกรรมสิทธิ์ที่ไร้ตำหนิเช่นเดียวกัน เชื้อสายที่จะได้รับมรดกของสวรรค์ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจนในพระวจนะของพระเจ้า เราจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับอับราฮัม และเงื่อนไขเหล่านั้นคือ “ถ้าท่านเป็นของพระคริสต์แล้ว ท่านก็เป็นเชื้อสายของอับราฮัม คือเป็นผู้รับมรดกตามพระสัญญา” กาลาเทีย 3:29 ถ้าเราเป็นของพระคริสต์แล้ว กรรมสิทธิ์ของเราในการรับมรดกของสวรรค์นั้นก็พ้นตำหนิแล้ว และเป็นไปตามเงื่อนไขของพันธสัญญาแห่งพระคุณ โดยพระคุณของพระเจ้าเราจะสามารถอุตส่าห์กระทำตนให้เป็นไปตามที่พระเจ้าทรงเรียกและทรงเลือกด้วยสวมใส่ความประเสริฐของพระคริสต์ทั้งจิตวิญญาณและอุปนิสัย ผู้ใดที่ไม่ได้รับการทรงขัดเกลา การทรงมอบเกียรติยศ และการทรงชำระตั้งไว้ให้บริสุทธิ์นั้นจะไม่มีสิทธิรับมรดกในสวรรค์เลย ฉะนั้นจงให้เรายิ่งอุตส่าห์กระทำตนให้เป็นไปตามที่พระเจ้าทรงเรียกและทรงเลือก ด้วยว่าอย่างนั้นเราทั้งหลายจะมีสิทธิสมบูรณ์ที่จะเข้าในอาณาจักรนิรันดร์ของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า และพระผู้ช่วยให้รอดของเรา

“เหตุว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เราเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นบาปแล้ว” “เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานของพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” โรม ๓.๒๓-๒๔, ๖.๒๓

Related Topics:

0 Comments

Donate to Support Our Ongoing Mission Efforts